TSMC เริ่มส่งประกาศแจ้งลูกค้าว่าจะขึ้นราคาค่าจ้างผลิตชิป 7nm และสูงกว่านั้นรวดเดียว 20%

หนังสือพิมพ์ไต้หวัน Liberty Times ระบุว่า TSMC เริ่มส่งประกาศแจ้งลูกค้าว่าจะขึ้นราคาค่าจ้างผลิตชิป 7nm และสูงกว่านั้นรวดเดียว 20% ส่วนค่าจ้างผลิตชิปเทคโนโลยีชั้นสูงที่ละเอียดกว่า 7nm จะขึ้นราคา 8%.

การขึ้นราคาครั้งนี้มีผลกับคำสั่งซื้อใหม่เท่านั้น โดยทั่วไปแล้วการสั่งผลิตชิปมักสั่งกันล่วงหน้าหลายเดือนหรือนับปี.ข้อมูลจาก Liberty Times ไม่ละเอียดนัก ว่าสายการผลิตใดขึ้นราคาเท่าใด โดยก่อนหน้านี้ DigiTimes รายงานว่ากระบวนการผลิตแบบ 16nm หรือต่ำกว่าจะขึ้นราคา 10% ในปี 2022.

ต้องดูว่าการขึ้นราคาค่าจ้างผลิตจะมีผลต่อราคาสินค้าสุดท้ายมากน้อยเพียงใด เพราะผู้ว่าจ้าง TSMC เช่น MediaTek, Intel, หรือ NVIDIA อาจจะยอมลดกำไรตัวเองลง.ปีที่ผ่านมานับเป็นปีที่ดีของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการทำงานที่บ้าน โดย TSMC เองเดินสายการผลิตเกิน 100% ไปแล้ว และแม้จะมีโรงงานใหม่เริ่มเดินสายการผลิตในปีหน้า แต่คาดว่าความต้องการชิปก็ยังเกินกำลังผลิตไปจนปี 2023.

ที่มา – Liberty Times

ราคาน้ำมันพุ่ง เหตุพายุเข้าใกล้ศูนย์กลางการผลิตในอ่าวเม็กซิโก

รอยเตอร์รายงานว่า ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นในวันนี้ โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากที่สุดในสัปดาห์นี้ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักของอุปทาน จากการที่บริษัทพลังงานเริ่มปิดการผลิตในอ่าวเม็กซิโก เพราะมีคาดการณ์ว่าพายุเฮอริเคนอาจเกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์

“กลุ่มผู้ค้าพลังงานเป็นตัวผลักดันราคาน้ำมันดิบให้สูงขึ้น โดยคาดว่าจะมีการหยุดชะงักของการผลิตในอ่าวเม็กซิโกและจากความคาดหวังว่า OPEC+ อาจต่อต้านการเพิ่มผลผลิตเนื่องจากสถานการณ์โควิดล่าสุดส่งผลกระทบต่อความต้องการน้ำมันดิบ” เอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ OANDA กล่าวกับรอยเตอร์

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ เพิ่มขึ้น 98 เซนต์หรือ 1.4% สู่ 72.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 0542 GMT หลังจากร่วงลง 1.6% ในวันพฤหัสบดี

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 93 เซนต์หรือ 1.4% สู่ 68.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากร่วงลง 1.4% ในวันพฤหัสบดี

ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโจ ไบเดน หนุนนายเจอโรม พาวเวล ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นสมัยที่ 2

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า คณะที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโจ ไบเดนกำลังพิจารณาเรื่องการรับรองให้นายเจอโรม พาวเวล ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นสมัยที่ 2 และอาจเสนอชื่อนางลาเอล เบร์นาร์ด ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายกำกับดูแลด้านกฎระเบียบ โดยคาดว่าแผนการดังกล่าวจะช่วยลดแรงเสียดทานที่มีต่อนายพาเวล

ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับการเสนอชื่อประธานเฟดและรองประธานเฟด แต่คาดว่าจะยังไม่มีการตัดสินใจจนกว่าจะถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ก.ย.-พ.ย.) ปีนี้

หลายฝ่ายมองว่า การแต่งตั้งนางเบร์นาร์ดซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด ขึ้นมาทำหน้าที่รองประธานฝ่ายกำกับดูแลด้านกฎระเบียบแทนนายแรนดัล ควอเลสนั้น จะช่วยคลายความกังวลของสมาชิกพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับประวัติการทำงานทางด้านกฎระเบียบของนายพาวเวล

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐจะสนับสนุนให้นายพาวเวลทำหน้าที่ประธานเฟดเป็นสมัยที่ 2 เมื่อนายพาวเวลครบวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปีในช่วงต้นปี 2565 ซึ่งการสนับสนุนจากนางเยลเลนอาจทำให้นายพาวเวลมีโอกาสสูงมากที่จะได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ประธานเฟดอีกสมัย

รายงานยังระบุด้วยว่า นางเยลเลนซึ่งเป็นอดีตประธานเฟดตระหนักว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญความไม่แน่นอน และการเปลี่ยนตัวประธานเฟดในช่วงวิกฤตเช่นนี้ อาจสร้างความวิตกกังวลต่อหลายฝ่ายรวมทั้งตลาดการเงิน

นายพาวเวลเข้ารับตำแหน่งประธานเฟดในเดือนก.พ. 2561 โดยอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เสนอชื่อนายพาวเวลให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวต่อจากนางเยลเลน ขณะที่ตลาดการเงินในเวลานั้นมองว่า การเสนอชื่อนายพาวเวลถือเป็น “ทางเลือกที่ปลอดภัย” สำหรับคณะบริหารของปธน.ทรัมป์ เนื่องจากนายพาวเวลเป็นเจ้าหน้าที่เฟดสายพิราบสังกัดพรรครีพับลิกันที่สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามแนวทางของนางเยลเลน



การประชุม ศบค. วันนี้ จะพิจารณาคลาย Lockdown บางธุรกิจ

การประชุม ศบค. วันนี้ จะพิจารณาคลาย Lockdown บางธุรกิจ เช่นธุรกิจร้านอาหาร, ศูนย์การค้า, ร้าน IT-อุปกรณ์สื่อสาร, ลดเวลาเคอร์ฟิว .

การฉีตวัคซีนที่เร่งตัวเฉลี่ยกว่า 5 แสนโตส/วัน จะทำให้มีผู้ใด้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสขึ้นไปสู่ระดับ 60% ของประชากรในกลางเดือน ต.ค. .ขณะที่ Dow Jones -0.54% รอความชัดเจนประชุมที่ Jackson Hole

อังกฤษเตรียมฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้กับเด็กอายุ 12-15 ปีตั้งแต่ 6 ก.ย.นี้

หนังสือพิมพ์เดอะ เทเลกราฟรายงานว่า สำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติ (NHS) ของอังกฤษได้ร่างแผนการที่จะเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่เด็กอายุ 12-15 ปีตั้งแต่สัปดาห์แรกที่พวกเขากลับเข้าโรงเรียน

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวว่า เด็กๆ ไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ภายใต้โครงการฉีดวัคซีนของโรงเรียน

NHS Trusts ได้รับแจ้งให้เตรียมความพร้อมสำหรับการฉีดวัคซีนให้แก่เด็กที่มีสุขภาพดีอายุ 12-15 ปีตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.นี้

ด้านกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษระบุว่า ยังไม่ได้มีการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนให้แก่เด็กอายุ 12-15 ปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Persons with Disabilities and Access to COVID-19 vaccination |  International Disability Alliance

ทองปิดบวก $4.2 รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย-จับตาถ้อยแถลงพาวเวล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) เนื่องจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ขณะที่นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมประจำปีของเฟดในวันนี้

  • ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 4.2 ดอลลาร์ หรือ 0.23% ปิดที่ 1,795.2 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 22.5 เซนต์ หรือ 0.95% ปิดที่ 23.55 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 18 ดอลลาร์ หรือ 1.81% ปิดที่ 975.5 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 42.40 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 2,388.30 ดอลลาร์/ออนซ์

นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากข่าวระเบิดสนามบินกรุงคาบูล โดย Politico ซึ่งเป็นสื่อสหรัฐรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่สหรัฐว่า มือระเบิดฆ่าตัวตายซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มรัฐอิสลาม (ISIS) ได้ก่อเหตุระเบิดในครั้งนี้

รายงานล่าสุดระบุว่า เหตุระเบิดครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 60 ราย และบาดเจ็บ 140 ราย โดยเหตุระเบิดเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่อังกฤษและสหรัฐออกคำเตือนแก่พลเมืองที่ยังคงตกค้างในอัฟกานิสถานให้อยู่ห่างจากสนามบินกรุงคาบูล เนื่องจากมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายโจมตี

infoquest

Gold ticks up as dollar stay on back foot | QUANTLAND INVESTMENT

เกาหลีใต้ปรับคาดการณ์ GDP เศรษฐกิจโตกว่าที่คิด โตเร็วที่สุดในรอบ 10 ปี

โดย Lee Ju-yeol ผู้ว่าการธนาคารเกาหลีระบุว่า เศรษฐกิจภายในประเทศฟื้นเร็วกว่าที่คาดการณ์นับตั้งแต่ที่คาดการณ์เศรษฐกิจไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จึงทำให้ปีนี้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้น่าจะโตอยู่ที่ 4% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่คาดว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้น่าจะขยายตัวอยู่ที่ 3% ในปี 2021 โดยคาดการณ์เงินเฟ้อของปีนี้น่าจะสูงขึ้นอยู่ที่ 1.8%

เศรษฐกิจของเกาหลีใต้มีภาพรวมดีขึ้นโดยมีการส่งออกตามความต้องการเซมิคอนดัคเตอร์และรถยนต์ที่สูงขึ้น การส่งออกของเกาหลีใต้เติบโตสูงถึง 41.1% หรือมูลค่าราว 5.12 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในเดือนเมษายน ถือว่าเพิ่งขึ้นสูงที่สุดในรอบ 10 ปี การลงทุนของภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 6.6% ในไตรมาสแรกเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ทำให้ GDP ฟื้นตัว โดยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เกาหลีใต้เปิดแผนจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับการผลิตชิปมากขึ้นในปี 2030 โดยจะลงทุนมากถึง 4.56 แสนล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าแผนเตรียมเพิ่มกำลังผลิตชิปให้แข็งแกร่งดังกล่าวน่าจะช่วยทดแทนการขาดแคลนชิปได้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย

KKP Research วิเคราะห์ภาวะวิกฤตปัจจุบัน

KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร วิเคราะห์ตัวเลข GDP ในไตรมาส 2 ส่งสัญญาณเศรษฐกิจในประเทศที่อ่อนแอต่อเนื่อง แม้จะมีการเติบโตได้ 7.5% เทียบกับปีก่อน

ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดในปัจจุบัน เรียกได้ว่า ‘รุนแรงกว่า กว้างขวางกว่า และยาวนานกว่า’ ปีก่อน ยิ่งไปกว่านั้น การระบาดของโควิดยังมีแนวโน้มเริ่มลุกลามไปถึงภาคการผลิตและภาคการส่งออก และมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยจะเป็นไม่กี่ประเทศในโลกที่มีเศรษฐกิจหดตัวลงต่อเนื่องกันถึง 2 ปี

ผลกระทบจากโควิดที่เริ่มต้นการหยุดชะงักของรายได้และกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อาจลุกลามไปสู่ปัญหาอื่นๆ 1. การจ้างงาน 2. การลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นซึ่งเพิ่มผลกระทบให้กระจายเป็นวงกว้างกับธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ และ 3. ปัญหาความสามารถในการชำระหนี้และค่าเช่าของบริษัทจากกระแสเงินสดที่ไม่เพียงพอ 

ประเด็นที่น่ากังวลคือ ผลกระทบต่อความอยู่รอดของธุรกิจและครัวเรือน ในกรณีเลวร้าย ธุรกิจหลายแห่งอาจต้องปิดตัวลงถาวรภายใต้การระบาดที่ยืดเยื้อ

KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร วิเคราะห์ว่าในภาวะวิกฤตปัจจุบัน ภาครัฐจำเป็นต้องทำนโยบายเยียวยา กระตุ้น ฟื้นฟู และปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วนให้เพียงพอและสนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง แต่ทางออกที่สำคัญของเศรษฐกิจไทยจากวิกฤตในครั้งนี้ ยังขึ้นอยู่กับการจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง ที่สามารถป้องกันการป่วยรุนแรง ลดความสูญเสีย และลดแรงกดดันต่อระบบสาธารณสุข หากการจัดหาวัคซีนยังทำได้อย่างล่าช้าและไม่เพียงพอ เศรษฐกิจจะถูกกระทบต่อเนื่องไปเรื่อยๆ และเพิ่มต้นทุนต่อมาตรการภาครัฐที่ต้องออกมาต่อเนื่องและยาวนานขึ้นโดยไม่จำเป็น เนื่องจากต้นทุนในการเยียวยาสูงกว่าต้นทุนของวัคซีนมหาศาล

อ่าน บทความเต็มได้ที่ KKP Research ชี้ทางรอดเศรษฐกิจไทย พระเอกคือ ‘วัคซีน’ แต่นโยบายการเงิน-การคลังต้องโถมหนักกว่านี้ พร้อมแนะทำมาตรการ QE – THE STANDARD

Virgin Hyperloop

Virgin Hyperloop ได้เปิดตัววิดีโอใหม่ล่าสุดที่แสดงให้เห็นถึงระบบขนส่งที่ระบุว่าจะช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเดินทางด้วยตู้โดยสาร ซึ่งวิ่งในท่อที่รักษาสภาพแวดล้อมซึ่งใกล้สุญญากาศ ด้วยความเร็วสูงสุด 670 ไมล์ หรือ 1,070 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในขณะที่ใช้พลังงานเพียงเล็กน้อย

สิ่งที่ทำให้ตู้โดยสารที่ Virgin Hyperloop เรียกว่า Pods ซึ่งตกแต่งอย่างหรูหรา สามารถวิ่งด้วยความเร็วสูง มาจากการลอยตัวด้วยสนามแม่เหล็กในท่อสุญญากาศ จึงสามารถวิ่งโดยปราศจากแรงเสียดทานของอากาศ

บริษัทอ้างว่าระบบจะ ‘กำหนดมาตรฐานสำหรับการเดินทางแห่งศตวรรษที่ 21’ โดยความเร็วดังกล่าวนั้นเร็วกว่ารถไฟความเร็วสูง 3 เท่า และเร็วกว่ารางทั่วไปมากกว่า 10 เท่า ซึ่งจะทำให้ผู้คนเดินทางระหว่างเมืองต่างๆ ได้ภายในไม่กี่นาที 

เทียบให้เห็นภาพ เราสามารถเดินทางจากซานฟรานซิสโกไปลอสแอนเจลิสได้ในเวลาประมาณ 30 นาที และบริษัทยังอ้างว่าระบบจะสามารถขนส่ง ‘ผู้โดยสารหลายหมื่นคนต่อชั่วโมง’ 

ส่วนหนึ่งของอาณาจักร Virgin ของริชาร์ด แบรนสัน ตัว Virgin Hyperloop ประกาศความมุ่งมั่นที่จะสร้างวิธีการขนส่งแบบใหม่ที่สามารถทำความเร็วได้เทียบเท่ากับการเดินทางทางอากาศ และขยายโอกาสการเดินทางสำหรับคนทั่วไป ในขณะที่ราคาตั๋วจะแตกต่างกันไปตามเส้นทางที่แน่นอน การศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่าค่าโดยสารแบบไฮเปอร์ลูปจะคล้ายกับค่าใช้จ่ายในการขับรถมากกว่าการนั่งเครื่องบิน

Virgin Hyperloop ซึ่งตั้งอยู่ในลอสแอoเจลิส เดิมชื่อ Virgin Hyperloop One ได้ระดมทุนไปแล้วกว่า 400 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 2014 เพื่อพัฒนาและจำหน่ายซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ไฮเปอร์ลูป โดยมีพนักงานประจำเกือบ 300 คนในสหรัฐอเมริกา ที่ผ่านมาได้ทดสอบเทคโนโลยีไปแล้วกว่า 500 ครั้ง รวมถึงการมีผู้โดยสารที่เป็นมนุษย์ด้วย

Virgin Hyperloop ตั้งเป้าที่จะได้รับการรับรองความปลอดภัยภายในปี 2025 โดยจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2027 สำหรับใครที่สนใจวิดีโอดังกล่าวสามารถเข้าไปดูได้ที่

https://youtu.be/80hJfhWfjKY

ไฟเซอร์-ไบออนเทค” เตรียมขออนุมัติ FDA ฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3

บริษัทไฟเซอร์ อิงค์และไบออนเทคแถลงในวันนี้ว่า ทางบริษัทได้เริ่มกระบวนการเพื่อยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เพื่อให้มีการอนุมัติอย่างเต็มรูปแบบสำหรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 3 ของทางบริษัทให้แก่ผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป

ก่อนหน้านี้ FDA ได้อนุมัติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์-ไบออนเทคสำหรับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปอย่างเต็มรูปแบบเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่เป็นการอนุมัติสำหรับการฉีดเพียง 2 เข็ม

ไฟเซอร์-ไบออนเทคคาดว่าจะสามารถเสร็จสิ้นกระบวนการยื่นเรื่องขออนุมัติการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ต่อทาง FDA ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะปูทางให้วัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคได้รับการรวมเข้าสู่โครงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้แก่ชาวอเมริกัน ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันที่ 20 ก.ย.

สำนักข่าวอินโฟเควสท์

X