โพยหุ้นปันผลดี

ในกลางภาวะตลาดผันผวน เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำ 😱หลายคนคงอยากได้หุ้นปลอดภัย 🤗 ถือแล้วอุ่นใจ ไม่เสียวไส้ ใจสั่น 💓😉วันนี้พวกเราคัดหุ้นปันผลเด็ดๆ มาให้เพื่อนๆ พี่ๆ นักลงทุนไปทำการบ้านกันต่อครับ 😊

แอดไลน์ GOINVEST FREE!!! พูดคุยปรึกษาการหาปันผล หรือ จัดพอทเพื่อ

6 ตัวกรองคัดหุ้นปันผลดี

หุ้นปันผล เป็นหุ้นที่มีความปลอดภัยสูงโดยเฉพาะในช่วงตลาดผันผวน เพราะถึงแม้ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงแต่ก็ยังได้รับเงินปันผล

ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายให้กับพอร์ตลงทุนได้ อีกทั้งบริษัทที่จะจ่ายเงินปันผลออกมาได้นั้น ธุรกิจต้องมีกำไร การลงทุนในหุ้นปันผลจึงเป็นการลงทุนในธุรกิจที่ดี มีความสามารถในการแข่งขันสูง

วันนี้เลยหยิบความรู้การกรองหุ้นปันผลีมาฝากกันนะครับ6 ตัวกรองคัดหุ้นปันผลดี ดังนี้

1. ต้องเป็นหุ้นที่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลที่เป็นเงินสด (Cash Dividend) ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี หรือมากกว่านั้นได้ยิ่งดี ให้ครอบคลุมช่วงที่เกินภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเช่น ปี 2552 ซึ่งเป็นช่วงหลังจุดเริ่มต้นของ Hamburger Crisis – 2558) การกำหนดเงื่อนไขนี้ ก็เพื่อจะคัดกรองหาบริษัทที่มีทั้งความตั้งใจหรือมีนโยบายชัดเจนที่จะจ่ายเงินปันผล และในขณะเดียวกันก็ต้องอยู่ในฐานะที่มีความพร้อมในการที่จะจ่ายเงินปันผลอีกด้วย ทั้งนี้ สามารถที่จะวิเคราะห์ผ่านองค์ประกอบสำคัญดังต่อไปนี้

2.) กำไรสะสม บริษัทที่จะจ่ายเงินปันผลได้ต่อเนื่องต้องมีกำไรสะสมที่มากเพียงพอ เพราะกฎหมายกำหนดให้จ่ายเงินปันผลได้เมื่อกิจการมีกำไรสะสมเป็นบวกเท่านั้น ดังนั้น หากติดลบกลายเป็นขาดทุนสะสม หรือ บวกน้อย ก็จะมีข้อจำกัดในการจ่ายเงินปันผลได้น้อย หรืออาจจ่ายได้ไม่ต่อเนื่อง

3.) กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (Cash Flow from Operation, CFO) ถือเป็นรายการหลักที่วัดความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของกิจการ เพราะถึงแม้กิจการจะมีกำไรสุทธิ แต่ CFO ติดลบ ก็จะให้มีข้อจำกัดในการจ่ายเงินปันผล ยิ่งไปกว่านั้น ก็จะเป็นตัวบ่งชี้ว่ากิจการจำเป็นต้องจัดหาเงินทุนเพิ่มเติมมาใช้หมุนเวียน ซึ่งหากไม่มีเงินทุนสำรอง ก็อาจต้องก่อหนี้เพิ่ม ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนมีแนวโน้มสูงขึ้น ถือเป็นอุปสรรคในการจ่ายเงินปันผลที่สำคัญ

4.) อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity) โดยหลักการบัญชี การจ่ายเงินปันผล เป็นกลไกที่ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นสุทธิ (Net Equity) ลดต่ำลง ผลที่เกิดขึ้นจึงทำให้อัตราส่วน Debt to Equity ปรับสูงขึ้น สถานการณ์ดังกล่าวทำให้กิจการที่มีอัตราส่วน Debt to Equity สูงอยู่แล้ว มีข้อจำกัดในการจ่ายเงินปันผล ทั้งนี้ การที่จะบอกว่า Debt to Equity ระดับใดสูง ควรทำการเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมเป็นเกณฑ์ เช่น ไม่เกิน 2 เท่า

5) อัตราส่วนการจ่ายเงินปันผล (Dividend Payout Ratio) อาจถือได้ว่าเป็นการวัดความตั้งใจที่จะจ่ายเงินปันผล ทั้งนี้ บริษัทที่อยู่ในช่วงที่มีการเติบโตสูงมักจะมี Dividend Payout Ratio ที่ต่ำ เช่น ประมาณ 30% ของกำไร เนื่องจากผู้บริหารมีความเชื่อว่า หากเก็บเงินที่จะจ่ายเงินปันผลไว้ลงทุนขยายกิจการต่อ ก็น่าจะสร้างผลตอบแทนในระยะยาวให้ผู้ถือหุ้นได้มากกว่าการนำเงินมาจ่ายเงินปันผล ซึ่งหุ้นในกลุ่มนี้เรียกได้ว่าเป็น Growth Stock นักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นประเภทนี้ควรคาดหวังผลตอบแทนจาก Capital Gain มากกว่า Dividend ในทางตรงข้ามบริษัทที่ได้ผ่านช่วงของการลงทุนขนาดใหญ่มาแล้ว หรือมีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนลดลง อาจสามารถกำหนด Dividend Payout Ratio ที่สูงขึ้นได้ โดยอาจกำหนดที่ระดับสูงกว่า 50% ของกำไรสุทธิ หรือบางบริษัทอาจจ่ายถึง 100% ของกำไรสุทธิ (มีกำไรสุทธิเท่าไรในแต่ละปี นำมาจ่ายเป็นเงินปันผลทั้งหมด) ซึ่งนักลงทุนที่ต้องการได้รับผลตอบแทนการลงทุนมาจาก Dividend Yield ควรที่จะเลือกลงทุนในหุ้นประเภทนี้

6. ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) มากกว่า 5% ต่อปี ทั้งนี้ตัวเลข Dividend Yield ที่กำหนดเป็นอัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนควรจะได้รับ หากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ต้องการเข้าไปลงทุน ออกมาตามที่คาด แต่การที่จะกำหนดเท่าไรขึ้นอยู่กับความพอใจ และ ขีดความสามารถในการรับความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้ อย่างไรก็ตามหากตั้งเกณฑ์คัดกรองหุ้นโดยกำหนด Dividend Yield ที่สูงจนเกินไป ก็อาจมีหุ้นที่เป็นตัวเลือกน้อยลง และที่สำคัญ เงินปันผลที่ใช้นำมากำหนดเป็นเกณฑ์ในการคำนวณ ต้องเป็นเงินปันผลที่คาดการณ์ว่าจะได้รับในอนาคต ไม่ใช่เงินปันผลที่จ่ายมาแล้วในอดีต

หากสนใจเข้ารวมห้องLINE เพื่อพูดคุยเรื่องกองทุน แลกเปลี่ยนความรู้ https://line.me/ti/g2/qBJJsQlZNF2Qc2-tuC6MfOLftB1Iy8dXKszLsg?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
.
Cr Set.or.th, setinvestnow , คุณ เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม

เป็นเศรษฐีหน้าใหม่ ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจถดถอ

เป็นเศรษฐีหน้าใหม่ ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจถดถอย :

Jaspreet SinghJaspreet Singh เป็นใคร Founder & CEO at Druva, Inc

ซึ่งเป็นผู้นำในการปกป้องข้อมูลและการจัดการข้อมูลบนคลาวด์ และเป็นนักลงทุน .ทำช่อง Minority Mindset YouTube Channelโดยมีการดูมากกว่า 15,800,000 ครั้งและผู้ติดตาม 370,000 ราย

Jaspreet ได้ให้คำตอบว่า สาเหตุที่มี millionaire หรือเศรษฐีเงินล้านเกิดในช่วงที่เกิดสภาวะ recession สภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมไปถึงช่วง market crash เป็นเพราะ ในช่วงดังกล่าว จะมีผู้คนเป็นจำนวนมากเกิดความกลัว แล้วพวกเขาก็จะพากันเทขาย assets หรือทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น หุ้น อสังหาริมทรัพย์ คริปโตฯ ทองคำ หรือทรัพย์สินอะไรก็ตามที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ณ ขณะนั้น

ซึ่งมันคือโอกาสของคนที่มีเงินสดอยู่ในมือ คนที่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ที่มีความรู้ทางด้านการเงิน มีความรู้ในสิ่งที่จะลงทุน ในการช้อนซื้อทรัพย์สินดังกล่าวในราคาที่ถูกกว่าราคาที่มันควรจะเป็น เพราะในช่วงเวลาที่ผู้คนเกิดความกลัวนั้น พวกเขาจะแย่งกันเทขายในราคาที่ถูก เพื่อให้ขายออกไปได้ไวที่สุด

ซึ่งการเข้าซื้อ การเข้าลงทุนในทรัพย์สินดังกล่าว ก็จะต้องเป็นทรัพย์สินที่ดี ไม่ใช่ราคาลงเพราะบริษัทดังกล่าวล้มละลาย แต่เป็นเพราะราคาหุ้นของบริษัทดังกล่าว ถูกตลาดกดดันให้ราคาหุ้นตกต่ำลง ในขณะที่บริษัทดังกล่าว ก็ยังคงมีผลประกอบการที่ดีอยู่.ดังนั้นสภาวะฟองสบู่แตก สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ นั้น จะมีผลโดยตรงกับผู้คนที่ไม่ได้เตรียมตัว ผู้คนที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการเงิน เกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจ.ขอขอบคุณ

ข้อมูลจาก www.blueoclock.com/

ลงทุนอย่างเซียนกับคุณ YOYO สันติ สิงหวังชา

คุณ YOYO หรือ สันติ สิงหวังชา เป้นนักลงทุนมากฝีมือ และเขียน blog ชื่อ yoyo way ที่แทบจะบันทึกมุมมองการลงทุนของหุ้นที่ลงทุนอย่างคมกริบ แม้วันนี้เขาจะไม่อยู่แล้วแต่ก็ยังฝากแนวคิดไว้ให้เราศึกษากันอยู่ โดย yoyo ได้ฝากไว้ 3 เรื่อง

1 วิกฤติ subprime 2008 เกือบพังเพราะถือหุ้นไม่กี่ตัว

ก่อนวิกฤติ จบวิศวะโยธา ทำงานแล้วไม่มีความสุข ลาออกมาเป็นนักลงทุนเต็มเวลา
จากพอร์ท 1 ล้านขึ้นไป 88 ล้าน จากถือหุ้นน้อยตัว และใช้ margin เต็มแม็ก
ส่วนใหญ่เป็นหุ้น PE ต่ำ และมีการเติบโตในอีก 2-3 ปีที่ชัดเจน

ตอนนั้นหุ้น 3 ทหารเสือประกอบด้วย Uec ums snc ใครเล่น thaivi.org ยุคนั้นต้องเคยอ่านในห้องร้อยคนร้อยหุ้น
พอเกิดวิกฤติชะล่าใจ ยิ่งลงก็ยิ่งเพิ่มมาร์จิ้น เพิ่มจนไม่ควรเพิ่ม
จนเหลือลงไม่กี่ % จะโดน force sell
โชคดีที่อีกนิดเดียวจะโดน แล้วมีคนเข้ามาฟื้น เลยค่อยปล่อยไปบางส่วน
แต่ธุรกิจยังเป็นตามที่เราคิดทุกอย่าง

หลังจากเจ็บก็เริ่มเปลี่ยนมาซื้อหุ้นปันผลสูง เพราะจะกลับไปทำงาน ถ้าไม่ขึ้น 2-3 ปีก็คืนทุน
ไปซื้อหุ้น LPN ปันผล 20% PE ต่ำมาก สนามบินสมุย และหุ้นอืนๆ รวม 5 ตัว

หลังจากนั้นตลาดตีคืน พอร์ทขึ้นไป 30 ล้าน กลับมาเดินหน้าลงทนต่อ
ปีถัดมา yoyo ได้ผลตอบแทน 397% จากหุ้นอสังหา

2เจ็บหนักจากหุ้นจีนที่ลิสในตลาดหุ้นอเมริกา

หลังจาก subprime หุ้นไทยวิ่งจนเริ่มแพง จึงไปต่างประเทศ
ช่วงแรกไป 20% ของพอร์ท ไปเจอหุ้นจีนที่ list ในอเมริกา china biotic มีเรื่องการเติบโตไวมาก
สตอรี่การลงทุนชัดมาร์เก็ตแชร์ 3% และขายถูกกว่าต่างชาติ 40%
โตปีละ 40% กำลังขยายโรงงานไปร้านค้าปลีก ปีครึ่งคืนทุน
ผู้สอบบัญชีเป็น big4

แต่หุ้นเริ่มลง มีข่าวลือว่าเป็นบริษัทปลอม
นักวิเคระห์ก็ไปดูทั้งเมืองจีนมาแล้วไม่มีร้านสาขาดังว่า

แต่บริษัทออกมาบอกว่ามีจริงๆ ส่งที่อยู่มาให้ดี แต่นักวิเคราะห์ไปดูก็ไม่มีอะไร

พอไป company visit ไปสัมภาษณ์คนบอกว่าถูกจ้างมาเริ่มตะหงิดๆ
แต่ก็ซื้อเพิ่มไป 50% ของพอร์ท เพราะยังมั่นใจ story

ไปดูงบกระแสเงินสดแปลก 2 เรื่อง
คือไม่มีหนี้แต่เพิ่มทุน และไม่ยอมจ่ายปันผล

จากนั้น cfo ลาออก และมีข่าวไม่จ่ายหนี้ บริษัทราคาหุ้นร่วงระเนระนาด กลับมาด้วยความผิดหวัง

หุ้นไทยมีการปรับฐานแล้วได้จากหุ้น jas พลิกพอร์ทกลับมาได้

ทำให้สไตร์การลงทุนเปลี่ยนไป

หุ้นไทยช่วงหลังๆ yoyo ยังเป็นแนวเดิมคือหุ้น PE ต่ำ ต่างประเทศก็ไป facebook tencent ที่ผู้บริหารดูดีหน่อย
ปรับตัวมาหาหุ้นคุณภาพมากขึ้น

3.บทสรุปคือหาจุดขาย ไม่ใช่ฝีมืออย่างเดียว

มองย้อนกลับไปตั้งแต่เริ่มลงทุน ความมั่งคั่งของหุ้นที่ตีแตก
หุ้นแต่ละตัวไม่ได้โตตามที่คาดไว้เลย
แต่โชคดีที่ซื้อแล้วขึ้น แล้วก็ขาย และตลาดดี

เมื่อมองหุ้น อ นิเวศน์ เลือก เป็นการเติบโตที่ไม่กลับมาที่เดิม
อย่างค้าปลีกพอขยายสาขา ลูกค้าแถวนั้นก็ซื้อซ้ำ ยิ่งขยายกำไรก็ยกฐานไปเรื่อยๆ

คุณ Yoyo เริ่มเอาแนวคิดนี้ไปลงทุนต่างประเทศ เริ่มเห็นซื้อ PE20 เท่า เปลี่ยนจากจากที่ซื้อ PE ต่ำและเติบโตสูง
มาเป็นหุ้นคุณภาพดี ราคาเหมาะสม และเติบโตเรื่อยๆมมากขึ้น

จากบทสัมภาษณ์จะเห็นพัฒนาการของการลงทุน จากสายโหด เล่นทีละไม่กี่ตัว ที่ PE ต่ำและปันผลสูง มาหุ้นต่างประเทศ และหุ้นเติบโตเรื่อยๆ เพื่อให้ความรู้แน่นๆกว่านี้แนะนำให้ไปที่ blog yoyo way ต่อเลยครับ รวบรวมบทความระดับตำนานมากห้ามพลาดเป็นอย่างยิ่ง

ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=5myGf3hl8xY

X