วิธีการเปลี่ยนเงิน 300,000 บาทให้กลายเป็นเงิน 1 ล้านล้านบาทโดยบัฟเฟตต์
ณ ปี 2021 เขามีทรัพย์สินอยู่ที่ 19,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราวๆ 3.4 ล้านล้านบาทเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 6 ของโลก
ปู่ได้รับคำถามในงานประชุมใหญ่ประจำปี 2021 ของผู้ถือหุ้นในปีล่าสุดว่า
คุณปู่ครับช่วยตอบผมหน่อยว่าทำยังไงผมถึงจะหาเงินได้ซัก 30,000 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 1 ล้านล้านบาทได้บ้างครับ เมื่อชายหนุ่มถามคำถามนี้ทำให้ผู้คนในห้องประชุมถึงกับฮือฮากับคำถามนี้ไปตามๆกันในใจคงคิดประมาณว่าแม่พ่อหนุ่มเอางั้นเลย
โดยปู่ก็ตอบสวนอย่างทันควันว่าอันดับแรกสุดคุณจะต้องมีอายุที่น้อยซะก่อนซึ่งถ้าถามปู่ในวันนี้ในวัย 90 ปีถ้าจะให้เริ่มต้นจากศูนย์ตอนนี้ก็คงยากที่จะตอบได้เหมือนกัน
ปูเริ่มต้นด้วยการเกริ่นนำก่อนว่าการสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่มันก็เริ่มต้นมาจากการสร้างสิ่งเล็กๆก่อนเช่นเดียวกับกฎของสโนว์บอลที่เป็นหิมะก้อนใหญ่ก็เริ่มต้นจากหิมะก้อนเล็กๆที่กำลังกลิ้งลงมาจากเทือกเขาซึ่งเทือกเขานั้นก็จะต้องมีระยะทางที่ทอดยาวมากพอที่จะให้ก้อนหิมะค่อยๆเพาะปูนจากก้อนเล็กๆกลายเป็นก้อนใหญ่มหึมาได้ในที่สุด
ซึ่งเปรียบได้กับการเริ่มต้นลงมือทำตั้งแต่อายุยังน้อยอยู่นั่นเองและที่สำคัญไปกว่าอายุน้อยไม่แพ้กันนั่นก็คือคุณจำเป็นที่จะต้องมีอายุยืนยาวด้วยโดยปู่บอกว่าสิ่งที่เทียบเคียงกับหลักของสโนว์บอลได้นั้นก็คือหลักการของดอกเบี้ยทบต้นสิ่งนั้นคุณเริ่มต้นด้วยเงินทุนก้อนน้อยๆแต่พอวันเวลาผ่านไปนานขึ้นด้วยพลังของดอกทบต้นก็สามารถเปลี่ยนจากเงินไม่กี่บาทให้กลายเป็นหลักล้านได้เช่นกัน
การเก็บเงิน ปู่ยกตังอย่างว่าตอนเรียนจบจากระดับปริญญาตรีให้เขาเก็บเงินได้สัก 10,000 ดอลลาร์หรือประมาณ 3 แสนบาท
เอาเงินไปซื้อบริษัทพื้นฐานดีที่ขนาดไม่ใหญ่มากสิ่งแรกที่เขาจะทำทันทีเลยก็คือพอเรียนจบเขาจะนำเงินเก็บก้อนนี้ไปซื้อบริษัทโดยเริ่มต้นจากบริษัทเล็กๆเนื่องจากจำนวนเงินที่นำไปลงทุนนั้นก็ไม่ได้มีมากมายอะไรประกอบกับโอกาสในการที่บริษัทขนาดเล็กสามารถเติบโตเป็นบริษัทได้นั้นมันยังมีช่องทางอีกมากโดยไม่สามารถทำให้เงินทุนเพียงเล็กน้อยเติบโตได้อีกหลายสิบเท่าหลายร้อยเท่าแถมบริษัทขนาดเล็กมักจะถูกผู้คนส่วนใหญ่มองข้ามศักยภาพของมันไปโดยปู่ได้เน้นย้ำว่าการซื้อบริษัทคือหนทางเดียวที่จะทำให้เงินร่องเงยได้อย่างมหาศาล
และปู่ก็คอนเฟิร์มว่าวิธีการนี้มันจะเวิร์คไปอีกเป็นร้อยปีนับจากนี้โดยหลักการนี้มันยังคงใช้ได้อยู่เพราะเอาจริงๆแล้วแค่รุ่นปู่รุ่นเดียวก็เกือบ 100 ปีเข้าไปแล้ว
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
โดยปู่บอกว่าไม่มีหรอกที่จู่ๆจะมีคนมาบอกว่าให้ลงทุนธุรกิจนั้นสิลงทุนธุรกิจนี้สิอีก 10 ปีมันจะเป็นบริษัทมหาชนแน่ๆลงทุนวันนี้เป็นเศรษฐีในวันหน้าซึ่งถ้าใครมาชักชวนหรือเครมอะไรประมาณนี้ก็ให้ระวังเอาไว้ก่อนเลยว่าคุณอาจจะกำลังคุยอยู่กับมิจฉาชีพก็เป็นได้ดังนั้นคุณจำเป็นที่จะต้องทำการบ้านอย่างหนักเพื่อค้นหาธุรกิจที่ดีและมีศักยภาพไปลงทุนในบริษัทนึงในยุคแรกๆจนตอนนี้มันไปไกลโดยข้อดีของธุรกิจประเภทนี้ก็คือหลังจากที่ขายประกันให้กับลูกค้าได้แล้วเงินมันจะมากองอยู่ที่บริษัทโดยยังไม่ต้องจ่ายค่าสินไหมจนกว่าลูกค้าจะเกิดอุบัติเหตุซึ่งนั่นมันทำให้บริษัทหรือเงินสดอย่างมหาศาลทำให้ในระหว่างนี้ทางบริษัทก็สามารถนำเงินสดไปลงทุนในด้านต่างๆที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าได้นั่นเองและด้วยเหตุนี้จึงเป็นบริษัทแหล่งเงินทุนที่สำคัญในบริษัทอื่นๆอีกเยอะแยะมากมายซึ่งเมื่อปู่นึกย้อนกลับไปในช่วงแรกๆที่ค้นพบโอกาสในการลงทุนในบริษัทนั้นหลังจากที่ค้นคว้าหาข้อมูลปู่ค่อนข้างมั่นใจว่าดีจริงณเวลานั้นไม่มีใครเข้าใจในสิ่งที่ปู่พยายามจะสื่อเลย ดังนั้นเราจำเป็นที่จะต้องเชื่อมั่นในตนเองเพราะถ้าหากเราไปเชื่อคนอื่นก็คงมีแต่คนบอกว่าอย่าไปลงทุนมันเลยมันไม่เวิร์คหรอกบริษัทไม่น่าเติบโตได้ไม่เห็นจะมีอนาคตตรงไหนเลยเพราะอย่าลืมว่าหากย้อนเวลาไปหลายสิบปีก่อนหน้านี้จำนวนรถยนต์บนท้องถนนยังไม่มากมายสักเท่าไรนะลูกค้าที่มีตังค์พอจะซื้อรถยนต์ได้ส่วนใหญ่ก็คนมีตังค์เท่านั้นแหละแต่หารู้ไม่ว่าพอมาถึงยุคปัจจุบันตลาดรถยนต์เติบโตอย่างมหาศาลส่งผลให้ธุรกิจประกันก็เติบโตอย่างมหาศาลด้วยเช่นกัน
ดังนั้นเราจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาและเราจะต้องรู้ว่าเรารู้อะไรและไม่รู้อะไรบ้างแล้วให้เราลงทุนในขอบเขตที่เรารู้จักมันเป็นอย่างดีเท่านั้นและนี่ก็คือวิธีการเปลี่ยนเงิน 300,000 บาทให้กลายเป็น 1 ล้านล้านบาทโดยปู่วรเวนบัฟเฟต์พ่อมดการลงทุนแห่งโอมา
=======================
คอร์สเจาะหุ้นเด่นไตรมาส 3/2022
เรียน 2 วันเต็ม จุใจ ทั้งกราฟและพื้นฐาน ผ่านZOOM ถามได้ไม่อั้นและเริ่มเรียนสด วันที่ 2/7/2022 และ 3/7/2022(ดูย้อนหลังได้).ผสานความรู้พื้นฐานและเทคนิคเพื่อค้นหาหุ้นแกร่งในไตรมาส 3 และครึ่งปีหลัง.ในสถาณการณ์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันที่มีวิกฤติรออยู่หลายลูก ทั้งเงินเฟ้อ เศรษฐกิจชะลอตัวทำให้การลงทุนในครึ่งปีหลังยากมากขึ้นคอร์สนี้จะพาผู้เรียน วิเคราะห์ทั้ง เศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และรายบริษัท เพื่อให้เห็นภาพอนาคตและเลือกหุ้นลงทุนได้ง่ายขึ้นรวมถึงเทคนิคการเข้าหุ้นให้คม โดยใช้พื้นฐานกรองหุ้น ผสานเทคนิคจับจังหวะ เพื่อการทำกำไรอย่างยั่งยืน
เรียนแล้วได้อะไร.
การวิเคราะห์ภาพใหญ่ ตัวเลขเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรม พร้อมเครื่องมือช่วยวิเคราะห์ให้ง่ายขึ้น
สรุปมุมมองกลยุทธ์การลงทุนครึ่งปีหลังจากหลายสำนัก
วิเคราะห์และหาหุ้นเติบโตโดยผสานพื้นฐานและเทคนิคตามแนวทาง LABHOON
เทคนิคการเข้าซื้อแบบ muti time frame เพื่อยืนยันจุดซื้อขายให้คม
เคล็ดลับวางแผนจังหวะเข้าซื้อ ขาย ทำกำไรและตัดขาดทุนให้คม
การวาง money management ให้มีประประสิทธิภาพ
กรณีศึกษา เจาะลึกหุ้นที่เติบโตสวนเศรษฐกิจ มากกว่า 10 ตัว จัดเต็มทั้งพื้นฐานและเทคนิค
พิเศษสำหรับ ผู้ที่สมัครภายใน 18/6/2022 เท่านั้นราคาพิเศษเพียง 12,900 บาท จาก 15,000 บาทและได้รับ สมาชิก labhoon ฟรีทันที 3 เดือน มูลค่ากว่า 2,000 บาท
ติดต่อสมัครเรียนได้ที่ line ID: @labhoon
add line https://urlty.co/TLQ.มาเรียนรู้ไปด้วยกัน เพื่อการเทรดอย่างยั่งยืนกันครับ





Live พิเศษผ่าน zoom * มือใหม่อยากเก่ง อยากฝึก พิเศษกันนะครับ มือใหม่ที่ยัง งงกับชีวิตการลงทุน วันนี้ 20:30 จะมีเปิดสอนพิเศษ วิธีการเล่นตามรอบกลาง สไตล์ อ รัก
กฎ 5 ข้อในการลงทุนยามวิกฤต
กฎ 5 ข้อในการลงทุนยามวิกฤต
การที่ตลาดหุ้นไทยลดลงประมาณ 25-30 เปอร์เซ็นต์นั้นเป็นช่วงที่น่าสนใจ แล้วหลายคนคงจะทราบไว้แล้วว่าการเกิดวิกฤตทุกครั้งนั้นก็เป็นโอกาสเสมอเช่นกัน เราจะมาคุยกันว่าแล้วอะไรที่เป็นปัจจัยในการที่เราจะเลือกว่าช่วงนี้น่าลงทุนหรือยัง
.
ข้อที่ 1 เราจะเริ่มลงทุนเมื่อไหร่
คือ ณ เวลานั้นควรจะมีผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับความเสี่ยง ยกตัวอย่างนะครับ เราสามารถเอาตัวปันผล โดยสามารถเอาราคาผลตอบแทนปันผลที่เราคาดหวังไว้มาลบกับเงินฝากหรือผลตอบแทนของตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งโดยปกติแล้วตลาดหุ้นกับตราสารหนี้นั้นจะมีความต่างกันอยู่ประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์บวกลบ ดังนั้นถ้าต่ำกว่า 2% คนก็อาจจะไม่เลือกลงทุนในตราสารหนี้มากกว่าเพราะว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่า แต่ถ้าเริ่มห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆคนก็จะสนใจหุ้นมากกว่าเนื่องจากอาจยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้นเพื่อผลตอบแทนที่มากกว่า
.
ข้อที่ 2 ควรเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องและไม่หมดอายุ
เพราะเราต้องมองว่าถ้าอยู่ในวิกฤตเราต้องเอาไว้แลกเปลี่ยนเพื่อใช้จ่าย เพราะว่าบางครั้งวิกฤตก็อาจจะยาวนาน
.
ข้อที่ 3 ควรจะกระจายสินทรัพย์การลงทุนอย่างเหมาะสม
เพราะในช่วงวิกฤต มักจะมีผลกระทบไปในหลาย Sector อยู่ในหลายธุรกิจ ซึ่งเราไม่มีทางรู้เลยว่าจะได้รับผลกระทบมากน้อยแตกต่างกันอย่างไร แล้วจะทำกับกันหลังจากผ่านพ้นวิกฤตไปแล้วได้จากธุรกิจก็ดีขึ้นไม่พร้อมกัน ในหุ้นกระจายในหลายอุตสาหกรรมหรืออาจจะหุ้นหลายตัวหน่อย
.
ข้อที่ 4 ควรจะเลือกสินทรัพย์ที่มีปันผล และมองเป็นการลงทุนในระยะยาว
พอดีช่วงวิกฤตนั้นกระแสเงินสดจากการลงทุน ก็ควรจะต้องมีด้วย เพราะจะได้มีกระเเสเงินสดนำมาใช้จ่ายในช่วงนี้ เช่นกัน
.
ข้อที่ 5 ควรจะต้องบริหารความเสี่ยงของราคาด้วย
เราไม่สามารถรู้ว่าตรงไหนเป็นจุดต่ำสุดของราคา แต่เราสามารถใช้วิธีการ DCA เป็นการซื้อเฉลี่ยตามช่วงระยะเวลา เพื่อเป็นการลดความผันผวนของราคาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
.
ในอดีตที่ผ่านมาวิกฤตละครั้งใช้เวลามากน้อยและการลงเป็น%นั้นไม่เท่ากัน ดังนั้นการเตรียมตัวเป็นสิ่งสำคัญและมองเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนในช่วงวิกฤตนั้นเอง
หุ้นเข้าโซนอันตราย กลุ่มไหนยังมีอนาคต?
ปีนี้เป็นปีที่ยากลำบาก รวมหลาๆวิกฤติในช่วง 100 ปี ทั้งโรคระบาด และสงคราม มาฟังแนวคิดของ อ นิเวศ ว่าประเมินอย่างไร ใช้กลยุทธ์แบบไหน
ตลาดหุ้นในช่วง 2009 2019 ที่ผ่านมาวิ่งขึ้นมาสูงมากเนื่องจากภาวะที่เอื้ออำนวยจาก
ดอกเบี้ยต่ำ เงินเฟ้อต่ำ เศรษฐกิจเติบโต สภาพคล่องสูง นักลงทุนรายย่อยเข้าสูง
ตลาดหุ้นตั้งแต่ปี 2009 2019 ครบ 10 ปีมักจะมีวิกฤติ แต่ก็ไม่เกิดวิกฤติ แล้วต่อมา เกิดวิกฤติโรคระบาด
แต่หุ้นตกมาสั้นมาก แทบไม่เป็นวิกฤติ ทุกประเทศเร่งอัดฉีด
และเกิดฟองสบูในหุ้น Hitech ทุกคนเปลี่ยนความคิด ตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น
สิ้นปี 2021 ตลาดหุ้นวิ่งขึ้นไปพีค และทำสถิติใหม่
แต่จากปัจจัย ทันทีทันใดเกิดสงครามรัสเซีย ยูเครน และ supply ขาดแคลนจากการปิดเมืองโดยเฉพาะประเทศจีน
ทำให้ภาพเปลี่ยนราคาสินค้าโภคภัณฑ์วิ่งทั่วโลก และกระทบราคาอาหาร และเงินเฟ้อ
เงินเฟ้อสูง ขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ดัชนีทั่วโลกตกเละเทะ
Nasdaq ตก 14%
ดัชนีที่ขึ้นไม่มากอย่างไทยลงไม่มาก หุ้นบ้านเราเป็น value
เวียดนามตกไป14% ใกล้เคียง Nasdaq
หุ้นจีนตกไม่มาก เพราะขึ้นน้อย
เข้าไปดูใส้ในของตลาดหุ้นไทย ไทยมีตลาดตัวเล็กตัวกลางที่เก็งกำไรหนัก แต่พวกนี้มีผลต่อดัชนีน้อย
เราไม่รู้อาจจะลงต่อหรือเปล่า ลงมากพอหรือยัง ต่อไปต้องจับตาว่าจะเป็นวิกฤติหรือเปล่า
หุ้นถ้ามองย้อนหลังตั้งแต่ปี 2009 โตมาเรื่อย ๆ ตกนิดหน่อยตอนโควิท และขึ้นไปจุดสูงสุดใหม่ และลงมาแต่ยังสูงกว่าก่อนโควิท 20-30% โอกาสที่จะลงมาต่อยังมี ถ้าเป็นวิกฤติ
รอบนี้ถ้าวิกฤติจะเกิดอย่างไร
รอบนี้เงินยังมีแต่ค่อยๆงวดลงใช้เวลาหลายปี ทำให้ดูลำบาก และตลาดไม่ตกใจ
โอกาสในการทำกำไรคือวิกฤติที่หุ้นตกเยอะๆ แต่ตอนนี้นี้หุ้นยังไม่ตก คน long term ไม่รู้ซื้ออะไร
หุ้น value ก็ไม่ตก แต่เสี่ยงน้อยกว่าหุ้น growth
หุ้น growth ก็ไม่ได้ตกแรง จน PE น่าสนใจ
ปัจจัยที่กระทบตลาดหุ้น ตัวที่ชัดที่สุดคือ เงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย เม็ดเงิน
พอกลับทางน่ากลัวเพราะเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยขึ้น และลดปริมาณเงิน
ถ้าอเมริกาเอาไม่อยู่คือพัง
เวลานี้การใช้นโยบายการเงินของ เฟตเหมือน ศิลปะในจับปลาก็ต้องผ่อนเบ็ด ให้ค่อยๆลง แรกเกินไปก็ลงหนัก
แต่ตลาดหุ้นอาจจะขึ้นได้จากการฟื้นตัวหลังโควิท แต่หลังจากนั้นจะโตอย่างไร
ความมั่นใจมีไม่สูง ถ้าไม่โตต่อก็ลดพอร์ทลงไป
ในระยะยาวเศรษฐกิจไทยอิ่มตัว ทำให้หุ้นไทยไม่ค่อยไปไหนมา 7 ปีแล้ว
ปกติตลาดปั่นป่วนไม่ค่อยทำอะไร หาหุ้นที่จ่ายปันผลดี ธุรกิจไม่กระทบเงินเฟ้ออะไรมากมาย
กิจการใช้ประจำวัน ไม่มีคู่แข่งใหญ่
ระวังหุ้นที่โตช่วงโควิท
โรงพยาบาล ยาว โตดีช่วงโควิต แต่หลังจากนั้นเหมือนเดิม
ภาวะวิกฤติแบบนี้มีวิธีคิดอย่างไร
Value เน้นดูความแข็งแกร่ง และยังโตได้อีกนาน
เศรษฐกิจ 3 เงินเฟ้อ 3 รวมๆโต 6% ก็ดีแล้ว
PE 50-60% ไม่เอา
อ ไปซื้อหุ้นเวียดนาม เพราะรู้สึกเป็นโอกาส หุ้น super stock ของเวียดนามหลายตัว PE ไม่สูง
ตอนนี้มารเกตแคป 100,000 ล้าน ของไทย 500.000 ล้าน อนาคตน่าจะโตกว่าไทยเพราะคนเยอะกว่า
ซื้อทิ้งไว้เหมือนเดิม
เวียดนามได้ปันผลแง่%ดีกว่าไทย แต่เม็ดเงินน้อยกว่า
ตลาดหุ้นไทยไม่รู้จะเกิดวิกฤติหรือเปล่า แต่ยังถือว่าดีกว่าถือเงินสด
หุ้นกู้เริ่มดี ดอกเบี้ย4% เริ่มมา
หุ้น growth stock ยังอยู่ได้ เพราะหุ้นถือ conner เยอะมากเพราะเขายังไม่ปล่อย ไม่เขื่อนแตก
หุ้นไทยกลุ่มไหนดีสุด
มั่นใจสุดคือค้าปลีกเพราะสะท้อนเศรษฐกิจไทย พวกนี้มั่นใจว่าตามเศรษฐกิจ
ผู้ชนะจะกินตลาดได้เยอะมาก
ธนาคารทุกคนใช้แต่จะมี moment เรื่องหนี้เสีย
พลังงานมีความผันผวน
วัสดุก่อนสร้างเกี่ยวกับคน ถ้าคนใหม่เกิดน้อยลง รัฐไม่ลงทุน
โดยรวมแล้ว อ นิเวศน์ มองว่าตลาดความเสี่ยงสูง แต่ถ้ากิจการเสี่ยงไม่สูงก็อยู่ได้ และไปลงทุนต่อยอดหุ้นsuper stock ในประเทศที่กำลังเติบโตอย่างเวียดนาม
ที่มา
https://www.youtube.com/watch?v=PbZ7gebmVPE
มือใหม่ หัดลงทุน
1.แนวรับแนวต้าน Fibo
2.พื้นฐานหุ้น ก่อนลงทุนดูอะไรบ้าง
3.ฝึกเทรดหุ้นนำตลาด พร้อมตัวอย่าง
สรุปแนวคิด วอเรน บัฟเฟต ชาลี มังเกอร์ ประชุมผู้ถือหุ้น 2022
สรุป บทสัมภาษณ์ของ วอเรน บัฟเฟต ชาลี มังเกอร์ ในการประชุมผู้ถือหุ้น และการวิเคราะห์โดยคุณ art จากเพจ club vi ที่ช่วยขยายความคำพูดของทั้งสองว่ามีนัยยะอะไรบ้าง ทำให้เข้าใจแนวคิดของเซียนหุ้นทั้งสองได้ลึกขึ้น เชิญอ่านโดยพลัน
1.กลับมาช้อนหุ้น
ปีนี้ ปู่ซื้อหุ้นจัดหนักมาก 4 เดือนซื้อไป 3.4 ล้านล้าน
ส่วนใหญ่ซื้อหุ้นแบบ old school น้ำมัน เชฟร่อน HP ไม่ใช่เทคล้ำๆแบบที่กำลังฮิตกัน
หลายคนบอกว่าปู่แกตกยุค แต่ปู่ไม่เคยเปลี่ยนกลยุทธ์ สุดท้ายปู่ก็สามารถทำผลตอบแทนไปได้เรื่อย ๆ
การตามกระแสเรื่อย ๆ ไม่มีวันจบ พอกระแสมาก็จะตามกระแสแล้วลืมสิ่งที่เรารู้
2.มุมมองเรื่อง Bitcoin
ชาลี มังเกอร์ ปีนี้จัดหนัก มังเกอร์พูดว่า ชีวิตเหลีกเลี่ยง โง่ ชั่ว ทำให้ตัวเองดูแย่
- โง่เพราะมีโอกาสเป็น 0
- ชั่ว เพราะทำลายกระบบอัตราแลกเปลี่ยน
- ทำให้ตัวเองดูแย่เพราะ ทำทั้งสองเรื่องนี้
ส่วนปู่ ก็มองเหมือนทองคำ ที่ปู่แกก็ไม่เคยซื้อเหมือนกัน เพราะไม่เป็น productive asset สินทรัพย์ที่สร้างผลิตผล เหมือน บริษัทขุดน้ำมัน ไร่ นา ที่มีผลิตผลมาเรื่อยๆ จะได้กำไรก็ต้องซื้อไปแล้วมีคนมาขอซื้อในราคาที่สูงกว่า
3.ยุค Tribal การแห่ตามกระแส
วอเร็นไม่เคยเห็นยุคไหนที่ การแห่ตามกระแสชัดขนาดนี้ เข้ามาทำอะไรตตามๆ กันแล้วเจ้งไปตามๆกัน เช่น tech stock
โดนกรอกหู้ซ้ำๆ ไปทำตามแล้วก็เจ้ง จงเชื่อ่ในตัวเอง อย่าให้คนอื่นตัดสินเรา
4.หุ้นเทคจีน
ชาลี มองว่าตลาดจีนหาหุ้นที่ดีในราคาถูกได้ แต่มีความเสี่ยงทางการเมือง ส่วนปู่ไม่พูดอะไร
5.การจับจังหวะตลาด
ไม่แนะนำให้จับจังหวะตลาดเป็นสิ่งที่มีมีประโยชน์
ปู่ยังทำแบบที่ทำมาเสมอคือ กล้าซื้อในจังหวะที่คนอื่นกำลังกลัว
แต่ที่ทายถูกเสมอ เช่นปี 2008 ย่ำแย่ไปหมดปู่ก็เข้าไปซื้อแล้วได้กำไร
2020 คนอื่นกำลังโลภ วอเร็นกำลังกลัว
6.ปู่บอก เศรษฐกิจ อเมริกาดี ปู่ bias ไปหรือเปล่า
ปู่ไม่ได้ เชียร์ เฉพะ อเมริกา แต่ก็เคยเชียร์จีน ยุโรป ด้วย
ส่วนจะดีต่อไปไหม ปู่อย่าเดิมพันตรงข้ามอเมริกา การลงทุนในประเทศผู้ชนะดีเสมอ
ถ้ากลัว bias ให้มอง เร ดาริโอ ที่มองแต่ละประเทศจะสลับกันเติบโต และ cycle ของอเมริกาเริ่มทำจุดสูงสุด
คุณ art club vi มองว่า คนอเมริกายัง innovative เศรษฐกิจยังไปต่อได้ แต่ไม่แน่ cycle อีก 10-20 ปี บริษัทจากจีนอาจชนะก็ได้
7.สิ่งที่ดีที่สุดคือการลงทุนในตัวเอง
ลงทุนในสิ่งที่คุณชอบ มีสิ่งที่ทำให้คุณดีขึ้นเรื่อย แล้วผลลัพทจะดีเอง
แต่ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นนักลงทุนที่ดี ถ้าลงทุนไม่เก่ง ก็ชื้อกองทุนดัชนีไป สุดท้ายคุณก็รวยได้เหมือนกัน
คุณ art เคยทำสถิติส่วนตัว ถ้าลงทุนในกรอบ 30 ปีที่ผ่านมาได้ 2000% ไม่ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก็ตาม
8.ปู่ สนใจซื้อบริษัทท่างชาติไหม
ปู่บอกว่าเปิดสำหรับทั่วโลก แต่ขนาดต้องใหญ่พอ
ปู่ชอบทำในสิ่งที่คุ้นเคย นานๆทีจะซื้อในต่างประเทศ เพราะในประเทศอเมริกาก็ยังซื้อได้ เป็นขอบข่ายชำนาญทางภูมิศาสตร์
9.เงินเฟ้อ
เงินเฟ้อเกิดจาก suppy disruption ระหว่าง covid หลายบริษัทก็ ลดคนงาน ลดกำลังการผลิต อุปทานไม่ทันอุปสงค์ ท่าเรือเต็ม ตู้ข่าด ไม่ได้เกิดจากเงินเข้าในระบบ
ปูบอกว่า เงินเฟ้อส่งผลเสียจริงๆ สมมติค่าเงินลดลง 90% ทุกธุรกิจเจ็บปวดหมด ยกเว้นธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนต่ำ เพราะสามารถขึ้นราคาได้ แต่ก็หายาก
- เงินสด
Berkshire เก็บเงินสดไว้เยอะ เหมือน ออกซิเจน แต่ถ้าอากาศไปเราจะรู้สึกทันที
แม้เศรษฐกิจเปลี่ยนไปมากมาย แต่เราจะมีเงินสดไว้เสมอ
11.อยากบริหารบริษัทให้ได้แม่ว่าระบบการเงินล่มสลาย
ลงทุนในบริษัทอยู่ได้ด้วยตัวมันเอง
ชอบโค้กเพราะต่อให้ตลาดหุ้นปิดไป10ปี โค้กก็ยังบขายได้อยู่
จะเห็นว่าคำพูดของปู่ช่างคมคายยิ่งนัก และยิ่งมีคนที่ตามงาน ปู่มานานมาอธิบาย ก็ยิ่งทำให้เข้าใจได้ลึกซึ้ง
ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=VRP1igh6gyA