ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 1% เมื่อคืนนี้ (18 ส.ค.) หลังรายงานการประชุมเดือนก.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องที่จะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในปีนี้ โดยรายงานดังกล่าวได้ฉุดหุ้นร่วงลงเป็นวงกว้าง ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเฮลธ์แคร์ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรม
ดาวโจนส์ปิดที่ 34,960.69 จุด ลดลง 382.59 จุด หรือ -1.08%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,400.27 จุด ลดลง 47.81 จุด หรือ -1.07%ดัชนี
Nasdaq ปิดที่ 14,525.91 จุด ลดลง 130.27 จุด หรือ -0.89%
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 27-28 ก.ค. โดยระบุว่า “กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้นตามที่เฟดคาดการณ์ไว้ ก็เป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการ QE ในปีนี้ ขณะเดียวกันกรรมการเฟดมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อแล้ว และการขยายตัวของการจ้างงานก็ใกล้จะอยู่ในระดับที่น่าพอใจ”
นักวิเคราะห์จากบริษัท Chase Investment Counsel กล่าวว่า แม้รายงานการประชุมเฟดจะแสดงให้เห็นว่า มีกรรมการเฟดส่วนหนึ่งที่เห็นต่างในเรื่องกรอบเวลาการปรับลดวงเงิน QE แต่รายงานการประชุมก็บ่งชี้อย่างชัดเจนว่า เฟดมีความคิดที่จะลดวงเงิน QE แน่นอน ขณะที่นักวิเคราะห์จากบริษัท Charles Schwab กล่าวว่า เฟดอาจจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับลดวงเงิน QE ที่ชัดเจนมากขึ้นในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้