สรุปหนังสือใหม่ Ray Dalio วิธีรับมือระเบียบโลกในอนาคต ตอนที่ 1

ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนระเบียบโลกมันเกิดจากอะไร เราจะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงดีได้อย่างไร คุณเชื่อไหมครับว่าแพทเทิร์นการขึ้นมาและทดถอยของแต่ละประเทศนั้นมันคล้ายกันหรือแทบจะเหมือนกันเลยมันมี Pattern เหมือนกัน ภาพภูเขาจะบอกว่าไม่ว่าจะประเทศอะไรก็ตามในอดีตที่เคยยิ่งใหญ่ มันอาจจะมีความแตกต่างกันบ้างในเชิงรายละเอียด ซึ่งหนังสือเล่มนี้พยายามจะถอดรหัสว่า
.
1.มันรุ่งหรือมันร่วงได้อย่างไร
2.แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและเราจะรับมือกับมันและเตรียมตัวได้อย่างไร
3.นักลงทุนควรทำอย่างไร เมื่อระเบียบของโลกมีการเปลี่ยนแปลง
.
หนังสือเล่มนี้จะมีการพูดถึงบิ๊กไซเคิล จะบอกว่าสัญญาณชีพที่จะบอกว่าแต่ละประเทศ เป็นมหาอำนาจและกำลังจะจบลง มันเกิดจากอะไรและแพทเทิร์นนี้เป็นอย่างไร คุณเรยดาลิโอ้บอกว่าการเปลี่ยนแปลงระบบระเบียบในอนาคตของโลกจะแตกต่างไปจากครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง แต่อย่างไรก็ตามจะมีแพทเทิร์นที่คล้ายกันอย่างแน่นอน คุณเรยดาลิโอได้เอาประสบการณ์ที่ลงทุนมาอย่างยาวนานแล้วเขาเองก็ได้เจอประสบการณ์ที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาศึกษาประวัติศาสตร์อย่างจริงจังถึง 500 ปีย้อนหลัง

ในปี 1971 สหรัฐอเมริกามีเงินไม่เพียงพอในการชำระหนี้ ตอนนี้สหรัฐนั้นได้ผูกเงินกับทองคำ เงินดอลลาร์จะมีค่าเพียงสามารถนำมาได้เป็นทองคำได้หรือมันแค่เช็คเท่านั้น เพราะตอนนั้นทองคำคือเงินที่แท้จริงนั้นเอง สหรัฐนั้นจะใช้เงินไปมากและมีทองคำไม่เพียงพอจากปริมาณเช็คเงินที่ได้ใช้เอาใช้นั้นเอง และหลังจากนั้นเองคนที่เงินดอลลาร์ก็รีบเอาเงินไปแลกทองคำเพราะกลัวว่าจะไม่มีทองคำให้ ในเย็นวันที่ 25 สิงหาคม ประธานาธิบดีริชาร์ดนิกสัน ได้ออกโทรทัศน์และพูดเป็นนัยๆว่าสหรัฐกำลังจะเริ่มมีการผิดนัดชำระหนี้ ประวัติศาสตร์ครั้งนั้นเรียกว่า Nixon shock แล้วเขาก็ประกาศยกเลิกดอลลาร์ผูกกับทองคำ ตอนนั้นคุณคุณเรยดาลิโอ้คิดว่าตลาดหุ้นต้องดิ่งเหวแน่นอน ตลาดหุ้นก็ไม่เป็นอย่างที่เขาคิดตลาดหุ้นกลับพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว มันน่าประหลาดใจมากเพราะเขาไม่เคยเจอกับการลดค่าเงิน เขาจึงไปค้นประวัติศาสตร์แล้วเขาก็ค้นพบว่าสิ่งเหล่านี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วแม้แต่ในอเมริกาเองก็ตามเกิดขึ้นในปี 1933 ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงของประธานาธิบดีรูสเวลท์ ตอนนั้นทองคำก็ผูกกับดอลลาร์แล้วเขาก็ประกาศยกเลิกการผูกขาดเหมือนกัน ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ก็ทำให้สหรัฐสามารถใช้จ่ายได้อย่างมากขึ้นเพียงแค่พิมพ์เงินออกมา และเนื่องจากความมั่งคั่งของประเทศนั้นก็ไม่ได้มากขึ้นตามจำนวนธนบัตรที่มากขึ้น ทำให้คุณค่าของเงินดอลล่าแต่ละดอลล่ามีลดลงเรื่อยๆ ปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้นไปดันในหุ้นและทองคำขึ้นเป็นจำนวนมาก คุณเรยดาลิโอ้ ได้ค้นพบถอยย้อนไปมากๆก็ได้ค้นพบว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในอดีต จากประเทศที่เป็นผู้นำ ณ ช่วงเวลาต่างๆเนื่องจากมีการใช้จ่ายมากกว่าภาษีที่เก็บได้นั่นเอง ซึ่งทำให้ราคาสินค้าชนิดต่างๆได้สูงขึ้นนั้นเอง
คุณเรยดาลิโอ้บอกว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ธนาคารกลางนั้นพิมพ์เงินออกมาเป็นจำนวนมากให้คุณซื้อหุ้นทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์นั้นเอง คุณต้องเรียนรู้อดีตเพื่อเข้าใจอนาคต คุณเรยดาลิโอ้จึงศึกษาฟองสบู่จากในอดีตมาเรื่อยๆทำให้คุณเวลาเท่านั้นทำกำไรได้อย่างมากมายและรอดพ้นจากวิกฤตในช่วง 2008
.
3 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระเบียบโลก คือ
.

  1. หลายประเทศไม่มีเงินเพียงพอจะชำระหนี้จึงต้องพิมพ์เงินออกมาแม้จะลดดอกเบี้ยเหลือ 0 แล้วก็ตาม
    .
  2. มีความขัดแย้งภายในเกิดขึ้นเนื่องจากช่องว่างของความมั่งคั่งและความเชื่อทางการเมือง
    .
  3. มีความขัดแย้งเพิ่มขึ้นจากภายนอกระหว่างชาติมหาอำนาจที่กำลังผงาดขึ้นและชาติมหาอำนาจที่กำลังจะถดถอยลง ปัจจุบันก็คือจีนกับสหรัฐนั่นเอง
    เหตุการณ์เหล่านี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระเบียบของโลกซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้เคยเกิดขึ้นแล้วในช่วงปี 1930 1945 ในช่วงที่ใกล้ที่สุด
    ระเบียบโลกคืออะไร ระเบียบโลกคือระบบการปกครองที่ทำให้ผู้คนสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้ แต่ละประเทศก็จะมีแบบภายในเป็นของตัวเอง แล้วมีระเบียบจากข้างนอกด้วยแต่ไม่ว่าจะเป็นระเบียบจะภายในหรือภายนอกก็จะเปลี่ยนแปลงได้ด้วยสงคราม เช่นรัสเซียเกิดการปฏิวัติการปกครอง จีนเองสมัยเหมาเจอตุงก็เช่นกันคือพรรคคอมมิวนิสต์ขึ้นมาล้มระบบเก่า ก็คือที่เรียกว่าอำนาจใหม่นั้นชนะอำนาจเก่า
    แต่ยุคที่พวกเราอยู่นั้นเกิดมาก็คือยุค ระเบียบโลกของปัจจุบันก็คือสหรัฐอเมริกา ระบบการเงินของโลกปัจจุบันเริ่มตั้งแต่ที่เรียกว่า Bretton Wood คือระบบที่ใช้ดอลลาร์เป็นเงินสกุลหลักของโลก
    ราคาดอลลาร์นั้นเป็นเงินสกุลหลักของโลกในการเป็นทุนสำรองนั่นคือเงื่อนไงที่ทำให้ประเทศนั้นเป็นมหาอำนาจของโลก ซึ่งปรากฏการณ์เหล่านี้เรียกว่า Big Cycle
    คุณเรยดาลิโอ้ได้ศึกษา 10 จักรวรรดิที่รุ่งเรืองตลอดมาในโลก เช่น ดัช เหรียญ กิลเดอร์
    อังกฤษ เหรียญ Pond มีความยิ่งใหญ่ถดถอยและมีการขึ้นมาแทนเสมอๆเป็นต้น
    วงจรหนึ่งนั้นกินเวลาประมาณ 250 ปี และมีช่วงซ้อนทับประมาณ 10-20 ปี และโชคดีคือเราอยู่ในช่วงนี้ครับ
    มี 8 มาตรวัดในการดูว่า ชาติใดเป็นมหาอำนาจ
    1.เรื่องการศึกษา
  4. นวัตกรรมและเทคโนโลยี
  5. ความสามารถการแข่งขันในตลาดโลก
  6. ผลผลิตทางเศรษฐกิจ
  7. ส่วนแบ่งทางการค้าของโลก
  8. ความเข้มแข็งทางการทหาร
  9. ความแข็งแกร่งทางการเป็นศูนย์กลางทางการเงินสำคัญของโลก
    8.ความแข็งแกร่งของสกุลเงิน ในฐานะสำรอง

มาตรวัดเหล่านี้เมื่อทำมาแล้วให้ทำด้วยวิธีการหาค่าเฉลี่ยถ้าประเทศไหนมากสุดประเทศนั้นก็คือมหาอำนาจ สามารถมองเห็นได้ว่าประเทศไหนมีโอกาสทั้งอัดขึ้นและประเทศไหนกำลังจะถดถอยลง การศึกษาที่ดีพัฒนาไปสู่การสร้างเทคโนโลยี เมื่อมีเทคโนโลยีมาตรฐานดีก็ก็จะนำไปสู่ระบบการเงินที่แข็งแกร่ง แล้วมีผลลัพธ์ตามมาตรวัดทั้ง 8 อย่างนั้นดีขึ้นเรื่อยๆ รายการถดถอยนั้นก็ลง 8 อย่างคล้ายๆกัน

ช่วงไหนที่มีช่วงรุ่งเรืองมากๆ ในช่วงที่มีความสงบคนก็อยู่สุขสบายแล้วมีการเดิมพันมากเรื่อยๆ กูยืมเงินต่อไปเรื่อยๆเพื่อนำมาพนันกับความรุ่งเรืองต่อไปอีก ซึ่งสิ่งนี้เรียกว่าการนำไปสู่ของสบู่ในอนาคต แต่ในขณะเดียวกันความมั่งคั่งนั้นหรือสกุลเงินหลักนั้นก็ไม่ได้กระจายอย่างเท่าเทียมกัน เขาจะเกิดเป็นความเหลื่อมล้ำทางความมั่งคั่ง ระหว่างคนรวยและคนจนที่ห่างกันออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วหลังจากนั้น พอฟองสบู่แตกก็จะนำไปสู่การพิมพ์เงิน และสิ่งที่เกิดขึ้นภายในจักรวรรดิก็จะเกิดความวุ่นวายมากขึ้น เมื่อเป็นปัญหาภายในมากขึ้นอำนาจของจักรวรรดินั้นก็เริ่มลดลง แล้วก็ถ้าเกิดปัจจัยภายนอกเข้ามาท้าทายอำนาจเก่าก็คืออำนาจใหม่ เป็นปัจจัยภายนอกนั่นเอง โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะเกิดในรูปแบบของสงคราม หลังจากนั้นผู้ชนะก็จะมาเป็นผู้สร้างระเบียบโลกใหม่ ภาพเหล่านี้เกิดขึ้นย้อนไปได้ถึงจักรวรรดิโรมันเลยทีเดียว ซึ่งเกิดเป็นมหากาพย์ 500 ปี ประเทศก็เหมือนคนมีการเกิดแก่เจ็บตาย
วิธีการดูที่ดีที่สุดคือ Health Indicator เค้าได้ค้นพบว่าประเทศก็มีสุขภาพเหมือนกันซึ่งเขาแบ่งแยกมาเป็น 8 ชนิด
ช่วงเวลา Big Cycle แบ่งออกเป็น 3 ช่วง 1 รุ่งเรือง 2 รุ่งโรจน์ 3 เสื่อมถอย
ช่วงรุ่งเรือง ผู้นำจะต้องทำ 4 ข้อ
1.มีอำนาจรวบรวมเสียง จากการสนับสนุนเป็นส่วนมาก
2.ลดอิทธิพลฝ่ายตรงข้าม ดูวิธีการต่างๆ
3.จัดตั้งระบบ และสถาบัน ที่ทำให้ประเทศดำเนินไปได้อย่างราบรื่น เช่นรัฐธรรมนูญ
4.ระบบการสืบทอดอำนาจ ให้ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ได้บริหารต่อไป

และสิ่งที่สำคัญก็คือประเทศที่ยิ่งใหญ่ได้จะต้องมีระบบการศึกษาที่แข็งแกร่ง แล้วนอกจากความรู้แล้วจะต้องบ่มเพาะอีก 3 บุคลิก
1.บุคลิกของความเข้มแข็ง

  1. ความมีอารยะ
  2. ความปรารถนาในการทำงานหนัก
    สิ่งเหล่านี้จะเกิดจากผู้นำครอบครัวและศาสนา รวมทั้งกฎระเบียบต่างๆแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจะต้องไม่มีการคอรัปชั่น ซึ่งจะทำให้พวกเค้ามีเป้าหมายปรองดองสามัคคีกันและช่วยผลักดันสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้นได้ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เขาผลิตจากสินค้าพื้นฐานและไปผลิตสินค้าที่เป็นเทคโนโลยีแทน ซึ่งก็คือนวัตกรรมนั้นเอง
X